สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับงานให้บริการทางเพศ
แนวทางปฏิบัตินี้มีไว้สำหรับนายจ้างในธุรกิจงานให้บริการทางเพศ ซึ่งอาจช่วยให้นายจ้างจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างพอเพียงสำหรับลูกจ้างและผู้รับจ้างอิสระ
ความรับผิดชอบของคุณด้านอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานให้บริการทางเพศ
พระราชบัญญัติความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) เป็นกฎหมายที่ช่วยรักษาความปลอดภัยในที่ทำงาน เป็นที่รู้จักในชื่อพระราชบัญญัติความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (OHS) พระราชบัญญัติความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (OHS) ได้วางความรับผิดชอบไว้ที่บุคคลต่าง ๆ รวมถึงนายจ้าง บุคคลผู้บริหารจัดการหรือควบคุมสถานที่ทำงาน ผู้ที่เป็นนายจ้างตัวเองและลูกจ้าง คุณมีความรับผิดชอบตามพระราชบัญญัติความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (OHS) ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับบทบาทของคุณ ค้นหาเกี่ยวกับบทบาทของคุณและความรับผิดชอบในสถานที่ทำงาน
หน้าที่ในการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้
สิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ทำงานเป็นอุปกรณ์และบริการที่จัดให้ไว้ที่ที่ทำงานเพื่อเป็นสวัสดิการของลูกจ้าง สิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ทำงานรวมถึงสิ่งดังนี้ เช่น
- ห้องน้ำ
- สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการชำระล้าง
- ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
- ที่เก็บของส่วนตัว
- ที่นั่ง
- ห้องรับประทานอาหาร
- น้ำดื่ม
พระราชบัญญัติความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (OHS) กำหนดให้นายจ้างจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอเป็นสวัสดิการแก่ลูกจ้าง นายจ้างต้องทำดังนี้ที่สถานที่ทำงานภายใต้การบริหารจัดการและควบคุมของนายจ้าง หน้าที่ที่จะจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นหนึ่งในหน้าที่หลักของนายจ้างที่มีต่อลูกจ้าง ในฐานะนายจ้าง คุณต้องปฏิบัติหน้าที่นี้ให้สมบูรณ์เท่าที่จะทำได้ตามสมควร อีกนัยหนึ่ง คุณต้องทำทุกอย่างที่วิญญูชนพึงกระทำเพื่อจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอสำหรับลูกจ้างของคุณ
ภายใต้พระราชบัญญัติความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (OHS) ลูกจ้างของคุณรวมถึงผู้รับจ้างอิสระที่คุณว่าจ้างและลูกจ้างของผู้รับจ้างอิสระ
ในฐานะนายจ้าง คุณต้องทำให้มั่นใจว่าระบบงานพอเพียงพร้อมที่จะทำงานด้วย ระบบที่พอเพียงช่วยให้มั่นใจว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานปลอดภัยและปราศจากควมเสี่ยงต่อสุขภาพ ซึ่งสามารถหมายถึงดังต่อไปนี้ได้ เช่น
- ลูกจ้างมีช่วงเวลาพักที่สามารถใช้ห้องน้ำได้
- ห้องน้ำอยู่ในระยะพอสมควรในบริเวณทำงาน
- ลูกจ้างกะกลางคืนมีการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนลูกจ้างคนอื่นที่ทำงานตอนกลางวัน
- ทางไปยังสิ่งอำนวยความสะดวกมีความปลอดภัย
ปรึกษาหารือเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวก
คุณต้องปรึกษาหารือกับลูกจ้างและผู้รับจ้างของคุณเพื่อให้มั่นใจว่า สิ่งอำนวยความสะดวกพอเพียงต่อความปลอดภัยและอนามัยของพวกเขา คุณต้องปรึกษาหารือกับผู้รับจ้างอิสระและลูกจ้างของผู้รับจ้างอิสระด้วยเช่นกัน มีภาระหน้าที่ในการปรึกษาหารือด้วยเช่นกันระหว่างนายจัางกับผู้ให้บริการจ้างแรงงานซึ่งมีหน้าที่ร่วมกันด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยต่อคนงานจ้าง การปรึกษาหารือกับลูกจ้างและผู้รับจ้างช่วยให้คุณเข้าถึงสิ่งที่ลูกจ้างต้องการได้ ลูกจ้างอาจมีตัวแทนด้านความปลอดภัยและอนามัยซึ่งรู้จักกันในชื่อตัวแทนด้านความปลอดภัยและอนามัย (HSR) การปรึกษาหารือต้องเกี่ยวข้องกับตัวแทนด้านความปลอดภัยและอนามัย (HSR)โดยลูกจ้างจะมีหรือไม่มีส่วนร่วมโดยตรงก็ได้
ประเมินสถานที่ทำงานและสิ่งอำนวยความสะดวก
การตัดสินว่าสิ่งอำนวยความสะดวกใดเพียงพอสำหรับสถานที่ทำงานของคุณจำเป็นต้องมีการประเมินอย่างใกล้ชิด คุณต้องประเมินสถานที่ทำงาน ลูกจ้างของคุณและความจำเป็นของลูกจ้าง
เช่น ทำงานในตัวอาคาร เช่น สถานที่ของงานให้บริการทางเพศหรือไม่? หรืองานนั้นทำนอกสถานที่ทำงานหลัก เช่น กับตัวแทนเพื่อนเที่ยวหรือไม่? มีคนทำงานในสถานที่ทำงานนั้นกี่คน? มีห้องน้ำเพียงพอหรือไม่? มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและที่เก็บของหรือไม่? มีผู้ที่มีความจำเป็นพิเศษหรือไม่? มีอุปกรณ์ทำความสะอาดเพียงพอหรือไม่? มีสิ่งอำนวยความสะดวกพอเพียงสำหรับทำควมสะอาดสิ่งที่หกเลอะหรือที่ทิ้งขยะหรือไม่? สถานที่ทำงานมีเสียงรบกวนหรือไม่? อุ่นเกินไปหรือหนาวเกินไปหรือไม่? มืดเกินไปหรือไม่?
นี่เป็นแค่บางคำถามที่ต้องพิจารณาเมื่อทำการประมินสถานที่ทำงานของคุณ ต้องทำให้มั่นใจว่าคุณได้ปรึกษาหารือกับลูกจ้างและตัวแทนด้านความปลอดภัยและอนามัย (HSR) เมื่อคุณกำลังทำการประเมิน
ประเด็นที่ต้องพิจารณาเมื่อตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวก
มีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณาขณะที่คิดว่าลูกจ้างต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกใดบ้าง ประเด็นที่ต้องพิจารณารวมถึง
- ประเภทและสถานที่ทำงาน
- กิจกรรมในสถานที่ทำงาน
- สิ่งอำนวยความสะดวกที่ลูกจ้างต้องมีเพื่อการทำงาน
- ที่ลูกจ้างอาจมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยติดเชื้อ
- การจัดเตรียมการทำงาน เช่น เวลาของแต่ละกะ
- คุณลักษณะของลูกจ้าง เช่น เพศ ภาษา การรู้หนังสือ หรือความจำเป็นพิเศษ
- การเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของลูกจ้าง
- ความจำเป็นต้องมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและที่เก็บของส่วนตัว
- แสงสว่าง
- อุณหภูมิของสถานที่
- การทำความสะอาดและการบำรุงรักษา
การทบทวนสิ่งอำนวยความสะดวกของคุณ
คุณต้องจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก คุณควรจะทบทวนสม่ำเสมอด้วยว่า สิ่งอำนวยความสะดวกของคุณเพียงพอสำหรับลูกจ้างและผู้รับจ้างหรือไม่
ทบทวนสิ่งอำนวยความสะดวกเมื่อ
- ตัวแทนด้านความปลอดภัยและอนามัย (HSR) ขอให้ทำ
- มีการเปลี่ยนแปลงในการปฏิบัติงาน อุปกรณ์ หรือสถานที่ทำงาน
- มีลูกจ้างและผู้รับจ้างใหม่เริ่มงาน
- การแนะนำระบบงานใหม่
- มีการร้องเรียนเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกหรือสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- มีอุบัติเหตุที่ส่งผลต่ออนามัย ความปลอดภัย หรือสวัสดิการของลูกจ้าง
การทบทวนควรมีขึ้นสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก 12 เดือน
การทบทวนสิ่งอำนวยความสะดวกของคุณจะช่วยให้มั่นใจว่า คุณยังคงปฏิบัติตามความต้องการของลูกจ้างและผู้รับจ้างอย่างต่อเนื่อง คุณต้องปรึกษากับลูกจ้าง ผู้รับจ้างและตัวแทนด้านความปลอดภัยและอนามัย (HSR) ขณะที่ทบทวนสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ทำงานของคุณ
https://www.worksafe.vic.gov.au/consultation
แนวทางปฏิบัติสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวก
แนวทางปฏิบัติต่อไปนี้อาจช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าสถานที่ทำงานของคุณมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่พอเพียง
ทางเข้าและทางออก
ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ลูกค้าและบุคคลอื่นต้องสามารถเข้าและออกจากสถานที่ทำงานได้อย่างปลอดภัย ควบคุมภัยอันตรายและความเสี่ยงที่ทางเข้าทางออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามสมควร ทำให้มั่นใจว่าการควบคุมของคุณคำนึงถึงบุคคลที่อาจจะมีความพิการหรือความจำเป็นพิเศษ ทางเข้าและทางออกมีแผ่นรองกันลื่นและมีแสงสว่างเพียงพอ ต้องทำให้มั่นใจว่าที่จอดรถยนต์มีแสงสว่างเพียงพอ ลูกจ้างและบุคคลอื่นควรเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย ปราศจากความเสี่ยงต่ออนามัยและความปลอดภัย
ทางออกฉุกเฉิน
ต้องมั่นใจว่าตำแหน่งตรงประตูทำเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจน ต้องมั่นใจว่ามีสัญลักษณ์แสดงทิศทางไปยังประตูทางออกสำหรับการอพยพฉุกเฉิน ทางออกฉุกเฉินในอาคารต้องเป็นไปตามประมวลการก่อสร้างแห่งชาติ
น้ำดื่ม
ลูกจ้างและผู้รับจ้างควรเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดได้ตลอดเวลา การดื่มของเหลวที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานปกติของร่างกาย
ลูกจ้างและผู้รับจ้างอาจทำงานที่สถานที่ที่ต่างกันหรือเดินทางระหว่างสถานที่ กรณีนี้คุณอาจจำเป็นต้องจัดหาขวดน้ำดื่มหรือขวดน้ำดื่มที่เติมได้ไว้ให้
WorkSafe มีแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำดื่ม ดูหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ห้องน้ำ
ลูกจ้างและผู้รับจ้างจำเป็นต้องเข้าถึงห้องน้ำที่สะอาดถูกสุขลักษณะตลอดเวลาในขณะทำงาน ต้องมั่นใจว่าห้องน้ำเข้าถึงได้ ห้องน้ำควรอยู่ข้างในตัวอาคาร หากไม่ได้ ต้องมั่นใจว่าห้องน้ำอยู่ใกล้สถานที่ทำงานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในอาคารที่มีหลายชั้นควรมีห้องน้ำอย่างน้อยทุก ๆ สองชั้น ลูกจ้างของคุณอาจทำงานในสถานที่ทำงานชั่วคราวเป็นระยะเวลาสั้น ๆ พวกเขาอาจทำงานที่สถานที่ทำงานที่อยู่ห่างไกลเช่นกัน ในกรณีเหล่านี้ พิจารณาว่าห้องน้ำชั่วคราวนั้นเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ตามสมควรหรือไม่ ต้องมั่นใจว่าห้องน้ำอยู่ในสถานที่ปลอดภัยและมีทางเข้าถึงที่ปลอดภัย
หากเป็นไปได้ ให้แยกห้องน้ำสำหรับลูกจ้างกับลูกค้า
ห้องน้ำต้องเป็นไปตามมาตรฐานการออกแบบที่ได้รับการรับรองหรืออนุมัติ ห้องน้ำต้องตอบสนองความจำเป็นของบุคคลผู้มีความพิการ
ต้องมั่นใจว่าห้องน้ำนั้น
- มีเครื่องหมายบ่งบอกชัดเจน
- มีที่นั่งและฝาปิด ยกเว้นกรณีห้องน้ำที่ต้องเข้าถึงให้มากที่สุดสำหรับผู้ที่มีความพิการ ห้องน้ำที่ต้องเข้าถึงให้มากที่สุดควรมีโถแต่ไม่ควรมีฝาปิด
- และมีแสงสว่างและการถ่ายเทอากาศเพียงพอ
- ติดตั้งประตูบานพับที่สามารถล็อกได้จากข้างในแต่ละห้อง แต่สามารถเข้าถึงได้ในตอนฉุกเฉิน
- แยกห้องน้ำออกจากห้องอื่นโดยกำแพงเก็บเสียงหรือทางเข้าที่แยกต่างหาก
- แยกห้องน้ำจากห้องอื่นโดยประตูระบบแอร์ล็อก
ข้อกำหนดเกี่ยวกับห้องน้ำ
ห้องน้ำที่จัดเตรียมให้ลูกจ้างต้อง
- มีกระดาษชำระอย่างเพียงพอสำหรับห้องน้ำแต่ละห้องและสำหรับผู้ที่ใช้ห้องน้ำทุกคน
- สิ่งอำนวยความสะดวกในการล้างมือ
- สิ่งอำนวยความสะดวกในการทำให้มือแห้งที่ถูกสุขลักษณะ
- ถังขยะ
- วิธีทิ้งขยะสุขภัณฑ์ที่ถูกสุขลักษณะ
- ถังทิ้งขยะมีคม
WorkSafe มีแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับห้องน้ำ ดูหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
การล้างมือ
ลูกจ้างและผู้รับจ้างต้องเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในการล้างมือเพื่ออนามัยส่วนบุคคล ลูกจ้างควรล้างมือได้เมื่อต้องการ
ต้องมั่นใจว่าสิ่งอำนวยความสะดวกในการล้างมือนั้น
- เข้าถึงได้ตลอดเวลา
- อยู่ใกล้ห้องน้ำหากห้องน้ำไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการล้างอยู่ภายในห้องน้ำ
- มีก๊อกน้ำร้อน น้ำเย็นหรือก๊อกรวมอุณหภูมิ
- มีสบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างอื่นhave soap or other cleaning products
- มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำให้มือแห้งที่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งสามารถรวม กระดาษเช็ดมือใช้แล้วทิ้ง หรือเครื่องเป่าลมสำหรับการทำให้มือแห้ง
- มีถังขยะสำหรับทิ้งกระดาษเช็ดมือ
มีกระจกอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกในการล้างมือ
ดูแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมในหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ต้องมั่นใจว่าคุณได้จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้ให้ที่สถานที่ทำงาน รวมถึงชุดปฐมพยาบาล อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่เหมาะสม สำหรับการให้การปฐมพยาบาลและขั้นตอนการปฐมพยาบาล รวมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทิ้งขยะมีคมอย่างปลอดภัย
ตอนวางแผนเกี่ยวกับข้อต้องการในชุดปฐมพยาบาล คุณต้อง
- • ระบุภัยอันตรายที่สามารถส่งผลต่อการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
- • ประเมินความเป็นไปได้และระดับความร้ายแรงของการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
- • ตัดสินและจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกในการปฐมพยาบาลที่เหมาะสมและการฝึกอบรม การคำนึงถึงสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน
- • ทบทวนการเตรียมการปฐมพยาบาลเป็นประจำหรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม
ปรึกษาหารือกับลูกจ้าง ผู้รับจ้างและตัวแทนด้านความปลอดภัยและอนามัย (HSR) เมื่อวางแผนการเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาล
เว็บไซต์ WorkSafe มีข้อมูลที่จะช่วยคุณในการเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกในการปฐมพยาบาลได้อย่างเหมาะสม
https://www.worksafe.vic.gov.au/resources/compliance-code-first-aid-workplace
ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและที่เก็บของส่วนตัว
ลูกจ้างและผู้รับจ้างของคุณอาจต้องมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือชุดอื่น ๆ หากต้องเปลี่ยน พวกเขาต้องสามารถเข้าถึงบริเวณสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าได้
จัดเตรียมให้ลูกจ้างและผู้รับจ้างสามารถเข้าถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เป็นส่วนตัว ต้องมั่นใจว่าห้องเปลี่ยนสื้อผ้ามีพื้นที่โล่งอย่างน้อย 0.5 ตารางเมตรสำหรับลูกจ้างแต่ละคน พื้นที่ว่างนี้ไม่ควรรวมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเช่นล็อกเกอร์อยู่ด้วย
พิจารณาเพศของลูกจ้างของคุณ ปรึกษาหารือกับลูกจ้างและผู้รับจ้างของคุณและตัวแทนด้านความปลอดภัยและอนามัย (HSR) ขณะที่วางแผนจำนวนของห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จำเป็นต้องมี คุณอาจต้องมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับเพศหญิง เพศชาย และสำหรับทุกเพศ
ต้องมั่นใจว่าอุณหภูมิในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นสบายสำหรับลูกจ้างในขณะที่พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า อาจจำเป็นต้องเพิ่มความร้อนหรือความเย็น
ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าควรมี
- ที่นั่งเพียงพอสำหรับจำนวนคนที่แต่งตัวหรือถอดเสื้อผ้าในเวลาเดียวกัน
- กระจกเงาที่เข้าถึงได้ ไม่ว่าจะอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือจากข้างนอกโดยตรง
- มีตะขอแขวนเสื้อผ้าที่เพียงพอ
พนักงานให้บริการทางเพศและบุคคลอื่นอาจต้องมีที่เก็บของที่ปลอดภัยสำหรับทรัพย์สินส่วนตัว พิจารณาการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บที่ลูกจ้างสามารถเก็บของใช้ส่วนตัวได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย
บริเวณเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บของสำหรับลูกจ้างจำเป็นต้องแยกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและที่เก็บของของลูกค้า
WorkSafe มีแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและสิ่งอำนวยความสะดวก ดูหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพักผ่อน
หากเป็นไปได้ให้จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับช่วงพัก พนักงานให้บริการทางเพศอาจพักที่สถานที่ทำงานระหว่างจ๊อบ ในกรณีนี้ คุณต้องจัดเตรียมห้องไว้ให้พัก เท่าที่จะทำได้ตามสมควร ห้องนั้นควรจะอยู่แยกออกไปจากพื้นที่ทำงาน ควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอและอยู่ในสภาพที่ดีและสะอาด
ห้องอาบน้ำฝักบัว
พนักงานให้บริการทางเพศจำเป็นต้องเข้าถึงห้องอาบน้ำฝักบัว หากมีห้องอาบน้ำฝักบัวสำหรับลูกจ้างและลูกค้า ห้องอาบน้ำฝักบัวสำหรับลูกจ้างควรอยู่แยกออกมา
ต้องมั่นใจว่าสิ่งอำนวยความสะดวกของห้องอาบน้ำฝักบัวได้ให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ใช้
ต้องมั่นใจว่าห้องอาบน้ำฝักบัวทำงานได้ดีและเป็นไปตามมาตรฐานของสิ่งปลูกสร้าง
ห้องอาบน้ำฝักบัวแต่ละห้องต้องมีน้ำร้อนน้ำเย็นที่สะอาด และมีสบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นเตรียมไว้ คุณควรจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำให้แห้ง เช่น ผ้าเช็ดตัวสะอาด ๆ
คุณควรจัดเตรียมห้องอาบน้ำฝักบัวเคลื่อนที่สำหรับลูกจ้างที่ทำงานที่สถานที่ชั่วคราวหรือห่างไกล ต้องมั่นใจว่าห้องอาบน้ำฝักบัวเคลื่อนที่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งรวมถึงความต้องการในการเข้าถึงและความจำเป็นด้านเพศ
ทำความสะอาดห้องอาบน้ำฝักบัวหลังจากการใช้งานแต่ละครั้ง และซ่อมแซมหรือเปลี่ยนพื้นผิวที่ชำรุด ตรวจเช็กห้องอาบน้ำฝักบัวเป็นประจำ และต้องมั่นใจว่าได้ทำการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
WorkSafe มีแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดสำหรับห้องอาบน้ำฝักบัว ดูหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
การทำความสะอาด
การเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่พอเพียงสำหรับสวัสดิการของลูกจ้างรวมถึงการบำรุงรักษาและการทำความสะอาดสิ่งอำนวยความสะดวกที่สถานที่ทำงาน ต้องมั่นใจว่าสถานที่ทำงานของคุณและสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่นั้น
- ถูกสุขลักษณะ
- ปลอดภัย
- มั่นคงปลอดภัย
- อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน
ต้องแน่ใจว่ามีการกำหนดการทำความสะอาดระบุเกี่ยวกับสิ่งหกเปรอะเปื้อน ขยะ และภัยอันตรายอื่น ๆ ต้องมั่นใจว่าลูกจ้างและผู้รับจ้างทั้งหมดได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการทำความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพและการควบคุมการติดเชื้อ มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับผู้รับผิดชอบในการทำความสะอาดขยะที่อาจติดเชื้อ รวมแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับความจำเป็นในการทำความสะอาดและผู้ที่สามารถให้คำแนะนำได้หากจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ
จัดเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมสำหรับพนักงานให้บริการทางเพศที่ทำความสะอาดที่ทำงานด้วย อุปกรณ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมรวมถึงอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล(PPE) ที่เรียกว่า PPE
สถานที่ทำงานและสิ่งอำนวยความสะดวกต้องมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ โดยปกติต้องทำทุกวัน อย่างไรก็ตาม อาจจำเป็นต้องมีการทำความสะอาดมากกว่าวันละ 1 ครั้ง คำนึงถึงข้อกำหนดในการทำความสะอาดสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีการใช้งานสูง ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น
- ห้องทำงานแและอุปกรณ์
- ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน
- ห้องอาบน้ำฝักบัว
- ห้องน้ำ
- ผ้าเช็ดตัว
- อ่างล้างมือ
- ห้องอาบน้ำฝักบัว
- สระว่ายน้ำและสปา
- ระบบทำความร้อนและความเย็น
สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีการใช้งานสูงอาจต้องมีการทำความสะอาดบ่อยกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น คำนึงถึงกะทำงาน ประเภทของงานที่ปฏิบัติและจำนวนลูกจ้างขณะที่ทำการตัดสินใจถึงความถี่ในการทำความสะอาด
พิจารณาตัวเลือกของคุณในการทำความสะอาดสถานที่ทำงานแบบทั่วไป คุณอาจจะมีการทำสัญญากับผู้ให้บริการทำความสะอาดภายนอกด้วย
ทำความสะอาดเป็นกิจวัตรด้วยน้ำยาทำความสะอาด และน้ำยาฆ่าเชื้อเกรดโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยให้คุณควบคุมเชื้อรา และเชื้อโรคอื่น ๆ ได้
จัดเตรียมที่รองรับขยะไว้ที่สถานที่ที่จำเป็น เติมของใช้ที่หมดไป เช่น สบู่ และกระดาษชำระเสมอ
ต้องมั่นใจว่าคุณมีภาชนะสำหรับทิ้งของมีคมได้อย่างปลอดภัย
การทิ้งขยะ
ขยะจากสถานที่ทำงานให้บริการทางเพศอาจถูกกำหนดว่าเป็นขยะทางการแพทย์และที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ ซึ่งรวมถึงของมีคม เช่น หลอดและเข็มฉีดยา
การทิ้งขยะทางการแพทย์และที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ในขยะทั่วไปเป็นเรื่องผิดกฎหมาย หน่วยงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งรัฐวิกตอเรียออกแนวทางปฏิบัติสำหรับการทิ้งขยะไว้ แนวทางปฏิบัติอาจช่วยให้คุณทิ้งขยะจากงานให้บริการทางเพศได้อย่างถูกต้อง
https://www.epa.vic.gov.au/about-epa/publications/iwrg612-1
รักษาสถานที่ให้อยู่ในสภาพที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
สถานที่ทำงานให้บริการทางเพศควรสะอาดและถูกสุขลักษณะอนามัย สถานที่เหล่านั้นควรได้รับการบำรุงรักษาและดูแลอย่างเหมาะสมตลอดเวลา ซ่อมแซมอุปกรณ์และส่วนที่ชำรุดเสียหายทันที บำรุงรักษาอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและเปลี่ยนเมื่อจำเป็น
เก็บบันทึก
เก็บบันทึกโปรแกรมการทำความสะอาดและการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม นี่รวมถึงบันทึกการทำความสะอาด การทิ้งขยะและการควบคุมสัตว์รบกวน คุณควรเก็บบันทึกการทำความสะอาดและการบำรุงรักษาไว้
ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน
ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่ใช้แล้วสามารถเป็นแหล่งติดเชื้อและสัตว์รบกวนได้ จัดเตรียมผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนหรือผ้าคลุมเตียงที่สะอาด และผ้าเช็ดตัวสะอาด ๆ ไว้ให้ลูกจ้าง เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนทันทีหลังการใช้แต่ละครั้ง รวมถึงผ้าเช็ดตัวด้วย
ปฏิบัติตามข้อควรระวังต่อไปนี้เพื่อควบคุมความเสี่ยงจากผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่ใช้แล้ว
- ส่งและเก็บผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนสะอาดแยกจากผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่ใช้แล้ว
- จัดให้มีที่เก็บอย่างน้อย 2 กล่องติดป้ายแยกไว้ว่าสำหรับเก็บผ้าปูที่นอนปลอกหมอนสะอาดกับผ้าปูที่นอนปลอกหมอนใช้แล้ว
- เอาสิ่งสกปรกหรือของแข็งที่ติดอยู่ออกก่อนซักและทิ้งอย่างปลอดภัย ตัวอย่างของการทิ้งอย่างปลอดภัยอาจรวมถึงการทิ้งของแข็งลงชักโครกโดยปิดฝาก่อนกด สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการกระเด็นใส่และการปนเปื้อน
- ซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนในน้ำร้อนด้วยน้ำยาซักผ้า
- ทำให้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนแห้งสนิทหลังการซัก
สระว่ายน้ำและอ่างอาบน้ำแบบสปา
สระว่ายน้ำและอ่างอาบน้ำแบบสปาต้องการการดูแลรักษาอย่างระมัดระวัง และต้องการการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบ่อย ๆ นี่เป็นเพราะสระว่ายน้ำและอ่างอาบน้ำเป็นสภาวะในอุดมคติสำหรับการเติบโตของแบคทีเรียลีจิโอเนลลา แบคทีเรียลีจิโอเนลลาเป็นสาเหตุของโรคลีเจียนแนร์ โรคลีเจียนแนร์เป็นรูปแบบหนึ่งของการติดเชื้อทางปอดที่เรียกว่าโรคปอดอักเสบ โรคลีเจียนแนร์ไม่ใช่โรคที่พบทั่วไปแต่สามารถรุนแรงและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
เจ็ตสปาสร้างละอองน้ำในอากาศ คนสามารถติดโรคลีเจียนแนร์โดยการหายใจเอาละอองน้ำที่มีแบคทีเรียลีจิโอเนลลาเข้าไปได้
การควบคุมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียลีจิโอเนลลาสามารถลดความเสี่ยงการเกิดของโรคลีเจียนแนร์
เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคลีเจียนแนร์จากสระว่ายน้ำแบบสปา ให้รักษาความสะอาดของน้ำในสระว่ายน้ำให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยและถูกอนามัย โดยจำเป็นที่จะ
- ใช้เคมีน้ำของสระว่ายน้ำแบบสปาอย่างถูกต้อง
- บริหารจัดการอย่างดีในการใช้ระบบการหมุนวนและการกรองและฆ่าเชื้อ
- ทำความสะอาดพื้นผิวสระว่ายน้ำเป็นประจำ
เพื่อลดความเสี่ยงจากอ่างอาบน้ำแบบสปา และทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติการอย่างถูกสุขลักษณะ ต้องแน่ใจว่า
- มีการระบายน้ำออกหลังจากใช้แต่ละครั้ง
- ตรวจเช็กบ่อย ๆ
- ทำความสะอาดและบำรุงรักษาเป็นประจำ
- รักษาให้แห้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน
สามารถค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคลีเจียนแนร์ได้ที่กระทรวงสาธารณสุข
https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/conditionsandtreatments/legionnaires-disease
มีภาระหน้าที่ตามพระราชบัญญัติความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (OHS) สำหรับสถานที่ทำงานที่มีสระว่ายน้ำแบบสปา และอาจมีภาระหน้าที่ภายใต้กฎหมายอื่น ๆ ด้วย ในฐานะนายจ้าง คุณควรตระหนักถึงภาระหน้าที่เหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องปฏิบัติตามกฎหมายสุขภาวะและสาธารณสุข คุณต้องจดทะเบียนสระว่ายน้ำแบบสปากับสภาเทศบาลที่เกี่ยวข้อง
การทำความสะอาดของเหลวจากร่างกาย
ของเหลวจากร่างกายเช่น เลือด อาเจียน ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย ของเหลวจากช่องคลอด และน้ำอสุจิอาจมีอินทรีย์ที่ติดเชื้ออยู่ ต้องมั่นใจว่าคุณมีระบบพร้อมในการรับมือกับการหกเปื้อนของของเหลวจากร่างกาย ต้องมั่นใจว่าลูกจ้างและผู้รับจ้างทุกคนตระหนักและเข้าใจในระบบดังกล่าว รวมถึงระบบในการปฐมนิเทศ การฝึกอบรม และการให้การศึกษาด้วย
การทำความสะอาดของเหลวจากร่างกายจำเป็นต้องมีการดูแลพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบ เอ บี หรือซี เอชไอวี และอื่น ๆ
ทำความสะอาดของเหลวจากร่างกายทันทีที่เปื้อน ปฏิบัติต่อขยะทั้งหมดเหมือนเป็นขยะปนเปื้อน ต้องมั่นใจว่าลูกจ้างที่ทำความสะอาดของเหลวจากร่างกายสวมถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ตลอดเวลา
อุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดของเหลวจากร่างกาย
จัดหาอุปกรณ์ทำความสะอาด ซึ่งรวมถึงไม้ถูพื้น ถังซักล้าง ผงซักฟอก น้ำยาฆ่าเชื้อโรค ผ้าขี้ริ้วใช้แล้วทิ้ง ต้องมั่นใจว่าลูกจ้างทุกคนทราบว่าอุปกรณ์ทำความสะอาดเก็บไว้ตรงไหน
คุณควรจะให้ชุดเก็บของหกเปื้อนที่ใช้แล้วทิ้งหนึ่งชุด ชุดเก็บของหกเปื้อนสำหรับทิ้งเป็นถังพลาสติกที่มีฝาปิดที่พอดี โดยมีสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้
- กระดาษเช็ดมือใช้แล้วทิ้ง
- ถุงใส่ที่ไม่รั่วและภาชนะสำหรับใส่ขยะที่จะทิ้ง
- ที่ตักที่แข็งแรงและถาดรอง
- มีคลอรีนเม็ดอย่างน้อย 5 ห่อที่มีคลอรีน 10,000 ส่วนต่อล้านหรือเทียบเท่า แต่ละห่อควรบรรจุคลอรีนเม็ดมากพอที่จะครอบคลุมของหกเปื้อนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ซม.ได้
- ถุงมือยางใช้แล้วทิ้งที่เหมาะสมสำหรับทำความสะอาด
- อุปกรณ์ปกป้องดวงตา
- ผ้ากันเปื้อนพลาสติก
- หน้ากากเพื่อป้องกันการสูดดมฝุ่นจากเม็ดคลอรีนที่ฆ่าเชื้อหรือละอองในอากาศ
เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งในชุดเก็บของทันทีหลังจากใช้แต่ละครั้ง
ข้อควรระวังในการทำความสะอาดของเหลวจากร่างกาย
ให้ปฏิบัติตามข้อควรระวังต่อไปนี้เมื่อทำความสะอาดของเหลวจากร่างกาย
- สวมถุงมือป้องกันและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เสมอขณะที่กำลังจัดการกับของเหลวจากร่างกาย
- หากของเหลวจากร่างกายมาสัมผัสกับผิวหนังคน ต้องล้างบริเวณที่ถูกสัมผัสนั้นด้วยน้ำอุ่นและสบู่ ก่อนทำความสะอาดด้วยมือ ไม่ควรสัมผัส
- ตัวเองตรงที่ผิวหนังเป็นแผล
- คนอื่นที่ผิวหนังเป็นแผล
- ช่องเปิดต่าง ๆ ของร่างกาย
- พนักงานให้บริการทางเพศที่ให้บริการเพื่อนเที่ยวควรนำสบู่และถุงมือใช้แล้วทิ้งติดตัวไปด้วย
- ปิดบาดแผนบนผิวหนัง ตัวอย่างเช่น
- บาดแผลจากของมีคม
- รอยครูดหรือถลอก
- ผื่น
- จุดที่เพิ่งโดนฉีดยามาเร็ว ๆ นี้
- รอยเจาะหูและรอยสักใหม่หรือยังไม่หาย
- การทิ้งอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่ใช้แล้วระหว่างการทำความสะอาดหรือการส่งไปทำความสะอาด
- ล้างและเป่ามือให้แห้งหลังจากถอดถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) อื่นทิ้ง
ขั้นตอนการทำความสะอาดของเหลวจากร่างกาย
ปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้เมื่อทำความสะอาดของเหลวจากร่างกาย
- สวมถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เสมอ
- ใช้กระดาษเช็ดมือหรือทิชชู่ หรือชุดเก็บของเหลวหกเปื้อนแบบใช้แล้วทิ้ง เพื่อทำความสะอาดของเหลวหกเปื้อนจำนวนมาก ทิ้งกระดาษเช็ดมือหรือทิชชู่ใช้แล้วในถุงพลาสติก ปิดถุงให้สนิทและทิ้งแบบที่ไม่ต้องให้ใครมาจับต้องถุงนี้โดยตรงต่ออีกเลย
- ถูหรือเช็ดพื้นด้วยฟองน้ำบริเวณพื้นผิวแข็งด้วยน้ำเย็นและสบู่หรือผงซักฟอกและน้ำยาฆ่าเชื้อ
- ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นไปได้ว่าผิวเปลือยจะสัมผัสกับพื้นผิวและเช็ดให้แห้งอย่างทั่วถึง
- ใช้ฟองน้ำเช็ดทำความสะอาดพรมและผ้าเช็ดเท้าด้วยน้ำเย็น สบู่หรือผงซักฟอก ล้างออกและตากให้แห้ง ห้ามใช้ยาฆ่าเชื้อโรค ทำความสะอาดด้วยไอน้ำเป็นอีกหนึ่งทางเลือก
- ใช้กระดาษเช็ดมือและถุงมือหรือชุดเก็บของเหลวหกเปื้อนเพื่อกำจัดสิ่งเปรอะเปื้อนให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้จากเครื่องนอน ใส่กระดาษเช็ดมือและถุงมือใช้แล้วในถุงพลาสติก ปิดถุงให้สนิทและทิ้งแบบที่ไม่ต้องให้ใครมาจับต้องถุงนี้โดยตรงต่ออีกเลย ซักเครื่องนอนด้วยเครื่องซักผ้าแยกต่างหากด้วยน้ำร้อนและน้ำยาซักผ้าปกติ อบให้แห้งทั่วถึง
หากเป็นไปได้ อย่าให้มีพรม ม่าน หรือของตกแต่งบ้านที่ทำจากวัสดุนุ่มในบริเวณที่ของเหลวจากร่างกายสามารถกระเด็นไปเปื้อนได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในบางสถานที่ เช่นที่บ้าน กรณีนี้ให้ทำความสะอาด ซักและเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ที่ปนเปื้อนโดยมืออาชีพ ที่คลุมที่ซักได้เป็นทางเลือกหนึ่ง
กระทรวงสาธารณสุขมีแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการจัดการกับการหกเปื้อนของเลือด และของเหลวและสารต่าง ๆจากร่างกาย
https://www.health.vic.gov.au/infectious-diseases/infection-control-guidelines
พื้นที่ทำงาน
คุณควรจัดพื้นที่ที่จำเป็นในการให้บริการแก่ลูกจ้างและผู้รับจ้าง ลูกจ้างต้องสามารถทำงานได้และเคลื่อนไหวได้โดยปราศจากความเสี่ยงของการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือการบาดเจ็บเท่าที่จะทำได้ตามสมควร เมื่อพิจารณาขนาดของบริเวณที่จะทำงานสำหรับลูกจ้าง ให้คำนึงถึง
- บริการที่จะให้
- การเคลื่อนไหวร่างกายที่จำเป็นในการให้บริการ
- ความจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ขณะทำงาน
- งานที่ทำต้องอยู่ในตำแหน่งนอน นั่งหรือยืน
- อุปกรณ์ที่ใช้และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่ต้องมี
พิจารณาขนาดของพื้นที่ทำงานเมื่อคำนึงว่าอาจมีภัยอันตรายอะไรบ้าง คุณอาจต้องเพิ่มพื้นที่ทำงานเพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อม ปัจจัยแวดล้อมรวมถึง เช่น เสียงดังรบกวน อุณหถูมิ และความชื้นในอากาศ คุณภาพอากาศ พื้นที่ทำงานที่คับแคบ และการจัดการด้วยตนเองที่เป็นอันตราย
โต๊ะนวดหรือทรีตเมนต์
พนักงานให้บริการทางเพศในบางครั้งใช้โต๊ะนวดหรือทรีตเมนต์แบบเคลื่อนที่ได้
โต๊ะนวดหรือทรีตเมนต์แบบเคลื่อนที่ได้มีการเชื่อมแบบกรรไกรและบางประเภทเป็นกลไกระบบล็อก จุดเชื่อมสามารถเป็นจุดยึด จุดกระแทก และจุดตัดได้ การบาดเจ็บร้ายแรงหรือแม้แต่การเสียชีวิตอาจเกิดได้หากใช้โต๊ะรักษาไม่ถูกต้อง การบาดเจ็บมักจะเกิดในตอนที่ลดระดับโต๊ะทรีตเมนต์ให้ต่ำลงหรือเมื่อโต๊ะทรุดลงกะทันหัน
คุณต้องประเมินและควบคุมความเสี่ยงจากโต๊ะทรีตเมนต์ การควบคุมความเสี่ยงมีขั้นตอนต่าง ๆ รวมอยู่ด้วย ขั้นตอนต่าง ๆ คือ
- ระบุภัยอันตราย
- ประเมินความเสี่ยงที่ภัยอันตรายนั้นจะทำให้เกิด
- ควบคุมความเสี่ยง ทำโดยการกำจัดความเสี่ยง หากไม่สามารถปฏิบัติได้อย่างสมเหตุสมผลในการกำจัดความเสี่ยง ให้ลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามสมควร
- ทบทวนและแก้ไขวิธีการควบคุมความเสี่ยง
นายจ้างต้องปรึกษาหารือกับลูกจ้างและผู้รับจ้างเมื่อพิจารณาวิธีควบคุมความเสี่ยง การปรึกษาหารือมีต่อเนื่องทุกขั้นตอนในกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยง
WorkSafe มีข้อมูลเพิ่มเติมในการบริหารจัดการความเสี่ยงในงานให้บริการทางเพศ
ผู้ที่ใช้โต๊ะทรีตเมนต์ต้องได้รับการฝึกอบรมในการใช้ การฝึกอบรมควรรวมคำแนะนำใน
- การเคลื่อนย้ายและการติดตั้ง เมื่อจำเป็น
- การใช้เครื่องมืออย่างปลอดภัย
- ข้อจำกัดในน้ำหนักที่รับได้
- คุณลักษณะของความปลอดภัย
- การทำความสะอาด
ตรวจเช็กรอบ ๆ และใต้โต๊ะทรีตเมนต์ก่อนปรับโต๊ะ พิจารณาด้วยว่าขนาดและน้ำหนักของลูกค้าอาจส่งผลต่อความเสถียรของโต๊ะอย่างไร
ต้องมั่นใจว่าโต๊ะทรีตเมนต์มั่นคงและอยู่ระดับเดียวกับพื้น ล็อกล้อทุกล้อตลอดเวลา ยกเว้นในขณะที่เคลื่อนย้ายโต๊ะ หลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายโต๊ะทรีตเมนต์โดยไม่จำเป็น โต๊ะอาจหนักและขนได้ไม่ถนัด เลือกโต๊ะที่มีล้อในตัว หรือใช้รถขนสัมภาระมีล้อที่เหมาะสมเมื่อทำการเคลื่อนย้าย
ต้องมั่นใจว่าส่วนที่เคลื่อนที่ของโต๊ะทรีตเมนต์ไม่บังเอิญไปถูกใครหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของใคร ต้องมั่นใจว่าตัวล็อกและอุปกรณ์ปรับไม่สามารถปลดออกเองโดยบังเอิญได้
ต้องมั่นใจว่ามีการตรวจเช็กและบำรุงรักษาโต๊ะทรีตเมนต์สม่ำเสมอ เช็กตะปูเกลียว ตะขอพับและกลอนที่หลวมและสัญญาณของความล้าของโลหะ คอยฟังเสียงลั่นเอี๊ยด ๆ ต้องมั่นใจว่าผู้ที่มีคุณสมบัติตามกำหนดทำการบำรุงรักษาและซ่อมแซมโต๊ะทรีตเมนต์
การระบายอากาศ คุณภาพอากาศและสภาวะอากาศ
สถานที่ทำงานให้บริการทางเพศต้องการการระบายอากาศที่เหมาะสมเพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพอากาศที่ดี มาตรฐานออสเตรเลียสามารถช่วยให้คุณมั่นใจในคุณภาพอากาศที่ดีในสถานที่ทำงานของคุณได้ ดู AS 1668.2 2012 การใช้ระบบการระบายอากาศและระบบปรับอากาศในสิ่งปลูกสร้าง ส่วนที่ 2 การระบายอากาศเชิงกลไกในสิ่งปลูกสร้าง
AS 1668.2 แนะนำว่าสถานที่ทำงานควรมีค่าเฉลี่ยอัตราการระบายอากาศของอากาศบริสุทธิ์มากกว่า 10 ลิตรต่อวินาทีต่อคน ควรทำให้แน่ใจว่าระบบการระบายอากาศเปลี่ยนแปลง 4 ใน 6 ทุก ๆ ชั่วโมงทั่วทั้งสถานที่ทำงาน
มีประเภทของการระบายอากาศที่แตกต่างกันสำหรับสถานที่ทำงานในอาคาร ประเภทต่าง ๆ รวมถึง
- การระบายอากาศตามธรรมชาติ เช่น ประตู และหน้าต่าง
- การระบายอากาศด้วยเครื่องจักร เช่น พัดลม หรือเครื่องดูดอากาศและเครื่องปรับอากาศ
- การระบายอากาศเสริม เช่น เครื่องฟอกอากาศ
การระบายอากาศตามธรรมชาติ
การระบายอากาศตามธรรมชาติทำให้การเคลื่อนไหวของอากาศผ่านตลอดและไปรอบ ๆ พื้นที่ที่ใช้งาน โดยการเปิดหน้าต่าง และการเปิดโถงทางเดินหรือประตูระเบียงทิ้งไว้ คุณปล่อยให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามาในห้อง อากาศบริสุทธิ์ช่วยเจือจางอากาศภายในตัวอาคาร ซึ่งสามารถช่วยกำจัดฝุ่นธุลีที่ลอยอยู่ในอากาศได้
การระบายอากาศด้วยเครื่องจักร
การระบายอากาศด้วยเครื่องจักรนำอากาศจากภายนอกเข้ามาแทนที่หรือเจือจางอากาศในอาคาร ตัวอย่างรวมถึงระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และระบบปรับอากาศ หรือเครื่องปรับอากาศ เพราะเครื่องจักรเหล่านี้กรองอากาศเพื่อรักษาคุณภาพอากาศ
มีขั้นตอนต่าง ๆ ที่คุณสามารถทำตามเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของการระบายอากาศด้วยเครื่องจักร
- ทำให้ปริมาณอากาศภายนอกเข้ามาสู่พื้นที่สูงสุด คุณสามารถทำได้โดยการปิดระบบควบคุมใด ๆ ที่ทำให้ปริมาณอากาศบริสุทธิ์ปลี่ยนแปลง
- การเปลี่ยนการจัดสถานที่เพื่อเพิ่มปริมาณอากาศภายนอกให้หมุนเวียนเข้าสู่พื้นที่
- ติดตั้งตัวกรองอากาศเกรดสูงกว่าในเครื่องส่งลมเย็นขนาดใหญ่
การระบายอากาศด้วยเครื่องจักรหรือระบบปรับอากาศต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งต้องเป็นไปตาม AS 1668.2. ในมาตรฐานออสเตรเลีย
ระบบระบายอากาศเสริม
ระบบระบายอากาศเสริมใช้หน่วยกรองอากาศเคลื่อนที่เพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศ หน่วยกรองอากาศสามารถจับฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศไว้ในตัวกรองได้ หน่วยกรองอากาศลดการรวมตัวของฝุ่นละอองในอากาศ หน่วยกรองอากาศช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศสะอาดได้
รัฐบาลรัฐมีแนวทางปฏิบัติอย่างละเอียดในการระบายอากาศในสถานที่ทำงาน แนวทางปฏิบัติรวมถึงแนวทางการประเมินตนเองสำหรับสถานที่ทำงานที่แตกต่างกัน
https://www.betterhealth.vic.gov.au/covid-19/improving-ventilation-stop-spread-covid-19
ระบบการทำความร้อนและความเย็น
อุณหภูมิในสถานที่ทำงานที่ไม่ได้รับการควบคุมสามารถเป็นความเสี่ยงต่อความปลอดภัยและอนามัยของลูกจ้างได้ สถานที่ทำงานที่ร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไปอาจนำไปสู่
- ผลผลิตลดลง (ทำงานได้น้อยลง)
- ความเหนื่อยล้า
- ความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและกระดูกที่เรียกว่า MSD
- การเจ็บป่วย
- อาการเจ็บป่วยอื่น ๆ
ความเสี่ยงต่อสุขภาพของลูกจ้างเพิ่มขึ้น เมื่อภาวะที่ยอมรับว่าสบาย นั้นหายไป
ภาวะสบายทางอุณหภูมิบอกว่าผู้คนรู้สึกสบายตัว ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป คนอาจรู้สึกร้อนหรือหนาวเกินไปในสถานที่ทำงาน อย่างไรก็ตาม ภาวะอาจไม่สุดโต่งมากพอสำหรับคน ๆ นั้นที่จะเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและส่วนบุคคลส่งผลต่อความรู้สึกสบายทางอุณหภูมิของคนแต่ละคน ปัจจัยเช่นว่านั้นรวมถึง ความชื้นในอากาศ อุณหภูมิอากาศ การเคลื่อนที่ของอากาศ เสื้อผ้าและกิจกรรมทางกาย
ในฐานะนายจ้าง คุณควรรักษาสภาพแวดล้อมการทำงานที่สบาย ๆ สำหรับลูกจ้าง ปรึกษาหารือกับลูกจ้างและตัวแทนด้านความปลอดภัยและอนามัย (HSR) เพื่อหาอุณหภูมิที่สบายที่สุด
การรักษาอุณหภูมิที่สบายสำหรับลูกจ้างขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ กัน ซึ่งรวมถึงสิ่งแวดล้อมและระดับของกิจกรรม พิจารณาสิ่งต่อไปนี้
- การปรับอากาศ
- พัดลม
- เครื่องทำความร้อนไฟฟ้า
- เปิดหน้าต่าง
- ฉนวนอาคาร
- แผนผังพื้นที่ทำงาน เช่นคนที่ทำงานตรงใต้เครื่องปรับอากาศหรือลมร้อน อาจไม่สบายได้
- การควบคุมแสงอาทิตย์โดยตรง
- การควบคุมการไหลของอากาศและแหล่งของความแห้งแล้ง
- ระดับของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงาน
- เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม
- กิจวัตรการทํางานและการพักผ่อน
ต้องมั่นใจในสิ่งอำนวยความสะดวกของระบบความร้อนและความเย็นว่าทำงานตามปกติ ดูแลรักษาอุปกรณ์ตามที่กฏหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
WorkSafe มีคำแนะนำเกี่ยวกับการทำความร้อน การทำความเย็น การระบายอากาศ คุณภาพอากาศและการปรับอากาศ ดูหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
แสงสว่าง
ในฐานะนายจ้าง คุณต้องจัดให้มีแสงสว่างที่เหมาะสมกับลักษณะของงานของลูกจ้างของคุณ แสงสว่างอาจเป็นแสงตามธรรมชาติหรือแสงไฟฟ้า
แสงสว่างในสถานที่ทำงานต้องทำให้ลูกจ้างและผู้อื่นเคลื่อนไหวไปมาได้ง่าย ๆ ต้องทำให้ลูกจ้างทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปราศจากท่าทางที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ทำให้สายตาของพวกเขาล้า
ห้องทำงานอาจต้องมีไฟอ่อน ๆ เพื่อผลการทำงาน แต่บริเวณอื่นจำเป็นต้องมีแสงสว่างที่ดี บริเวณที่จำเป็นต้องมีแสงสว่างที่เหมาะสมรวมถึงบันได ทางเดิน ทางเข้า ทางออก และบริเวณส่วนกลาง มาตรฐานออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์อธิบายว่าความสว่างที่ต้องมีจะแตกต่างไปแต่ละงาน ดู AS/NZS 1680.1 แสงสว่างภายในและสถานที่ทำงาน ส่วนที่ 1: หลักการและคำแนะนำทั่วไป WorkSafe มีแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรฐานแสงสว่างและความสว่าง อยู่ในหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
โคมไฟสำหรับตรวจสอบ
บริเวณทำงานแต่ละบริเวณควรมีโคมไฟอยู่ที่ประมาณ 100 วัตต์ โคมไฟช่วยพนักงานให้บริการทางเพศในการตรวจลูกค้าเพื่อหาสัญญาณโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STI) สำหรับการเรียกไปให้บริการนอกสถานที่ ให้พิจารณาจัดหาไฟฉายให้กับลูกจ้าง หากแสงสว่างไม่เพียงพอ พนักงานให้บริการทางเพศสามารถใช้ไฟฉายเพื่อตรวจเช็กลูกค้าได้
ปัจจัยในการพิจารณาว่าควรให้แสงสว่างเมื่อไหร่รวมถึง
- ลักษณะของงาน
- ลักษณะของภัยอันตรายและความเสี่ยงในสถานที่ทำงาน
- สภาพแวดล้อมในการทำงาน
- ระดับความสว่างตลอดจนแสงตามธรรมชาติและแสงไฟฟ้า
- การเปลี่ยนแปลงในแสงตามธรรมชาติตลอดทั้งวัน
- แสงจ้า
- แสงทึบ
- แสงสะท้อน
สถานที่ทำงานที่เป็นอาคารต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านแสงสว่างของประมวลการก่อสร้างแห่งชาติ
สิ่งอำนวยความสะดวกในการรับประทานอาหารและบริเวณพักผ่อน
คุณควรมีห้องรับประทานอาหารแยกออกไปหากตามปกติมีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปทานอาหารที่สถานที่ทำงานพร้อมกัน ถ้าสามารถทำได้ตามสมควร
ต้องมั่นใจว่าห้องรับประทานอาหารนั้น
- ถูกหลักอนามัยและได้รับการปกป้องจากสภาพอากาศ
- แยกออกจากกระบวนการทำงานใด ๆ
- อยู่ในระยะอุณหภูมิที่ปลอดภัยสำหรับการจัดการดูแลอาหารอย่างปลอดภัย ถูกหลักอนามัยและสบาย
ต้องมั่นใจว่าสิ่งอำนวยความสะดวกในการรับประทานอาหารนั้นง่ายต่อการใช้งาน และสามารถเตรียมและทานอาหารได้ในสภาวะที่ถูกหลักอนามัย คุณควรจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่อไปนี้ในบริเวณรับประทานอาหาร หากสามารถทำได้ตามสมควร
- อุปกรณ์สำหรับการรับประทานอาหาร โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งรับประทานอาหาร
- สิ่งอำนวยความสะดวกในการแช่เย็นและอุ่นอาหาร ต้องมั่นใจว่าตู้เย็นใหญ่พอที่จะจัดเก็บอาหารที่เสียง่ายได้
- สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับล้างเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น อ่างล้างจานพร้อมน้ำร้อนและน้ำเย็นและที่คว่ำจาน น้ำยาล้างจานและอุปกรณ์สำหรับล้างจาน
- น้ำดื่มสะอาดและอุปกรณ์สำหรับให้ลูกจ้างต้มน้ำ หากเป็นไปได้ ต้องทำให้มั่นใจว่าก๊อกน้ำดื่มแยกจากอ่างที่ใช้ล้างมือ
- ที่เก็บอาหารและเครื่องใช้ที่ป้องกันสัตว์รบกวนและฝุ่น
- ถังขยะหรือภาชนะที่ป้องกันแมลงวันหรือสัตว์รบกวน ต้องทำให้แน่ใจว่ามีการกำจัดขยะในถังอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง
หากลูกจ้างพักที่สถานที่ทำงานระหว่างแต่ละงาน คุณควรจัดหาห้องพักหนึ่งห้องให้กับพวกเขา ห้องนั้นควรแยกออกไปอยู่ต่างหากจากสถานที่ทำงาน ควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอและอยู่ในสภาพที่ดีและสะอาด
ดูแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมในหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
งานในที่ห่างไกล
ลูกจ้างบางคนอาจจำเป็นต้องทำงานห่างจากสถานที่ทำงานหลักของนายจ้าง เช่น งานเพื่อนเที่ยว
ในกรณีนี้ คุณอาจต้องพิจารณาว่า ลูกจ้างสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของลูกค้าอย่างเช่น ห้องน้ำได้
จัดหาข้อมูลให้ลูกจ้างเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะหรือของลูกค้า ต้องมั่นใจว่าข้อมูลนั้นรวมถึงทิศทางที่ชัดเจน
ลูกจ้างที่ทำงานในพื้นที่ภูมิภาคและห่างไกลอาจต้องใช้ที่พักที่นายจ้างจัดหาไว้ให้ พิจารณาภัยอันตรายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ที่พักที่แยกต่างหาก พิจารณาว่าจะควบคุมความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างดีที่สุดได้อย่างไรด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกควรจะเป็นไปตามมาตรฐานดังต่อไปนี้
- ที่พักสามารถล็อกได้พร้อมทางเข้าออกที่ปลอดภัย
- มีการเตรียมพร้อมด้านความปลอดภัยจากอัคคีภัย
- ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านไฟฟ้า
- มีน้ำดื่มจัดเตรียมไว้ให้
- มีห้องน้ำเพียงพอสำหรับลูกจ้าง
- มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการล้างชำระ การอาบน้ำ และการซักรีดสำหรับลูกจ้าง
- มีขั้นตอนปฏิบัติเพื่อให้มั่นใจได้ถึงความสะอาด
- มีที่พักสำหรับหลับนอนที่เหมาะสมจัดเตรียมไว้ให้ ต้องมั่นใจว่าให้มีเสียงรบกวนน้อยที่สุดที่จะทำได้ตามสมควร
- มีถ้วยชาม เครื่องใช้ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการรับประทาน
- ขยะมีการเก็บ
- การทำความร้อน ความเย็นและการระบายอากาศเป็นไปตามมาตรฐานของสถานที่ทำงาน
- มีแสงสว่างเพียงพอ
- มีตู้เก็บของและเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ อย่างเหมาะสม
- มีการเตรียมตู้เย็นไว้ให้
- ที่พักเป็นไปตามข้อกำหนดความเสถียรภาพและตามหลักโครงสร้างทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
- อุปกรณ์ตกแต่ง เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จัดให้ไว้ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี
คุณลักษณะของความปลอดภัย
สัญญาณเตือน
สัญญาณเตือนการข่มขู่เป็นวิธีที่ทำให้ลูกจ้างสามารถแจ้งเตือนได้เมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือฉับพลัน ลูกจ้างสามารถใช้สัญญาณเตือนการข่มขู่เมื่อใดก็ตามที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของพวกเขา คุณควรจะจัดเตรียมสัญญาณเตือนการข่มขู่ไว้ที่ที่ลูกจ้างสามารถเข้าถึงได้โดยง่ายและใช้ได้ในตอนฉุกเฉิน คุณควรทำให้แน่ใจว่ามีขั้นตอนปฏิบัติสำหรับการใช้และการตอบรับสัญญาณเตือน ฝึกอบรมลูกจ้างเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติ ทดสอบสัญญาณเตือนการข่มขู่และการตอบรับสัญญาณเตือนอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก ๆ 12 เดือน
ขั้นตอนปฏิบัติในการป้องกันอัคคีภัย
สถานที่ทำงานของคุณควรจะมีขั้นตอนปฏิบัติในการป้องกันอัคคีภัย ขั้นตอนปฏิบัติอาจแตกต่างกันไปจากแผนการอพยพธรรมดาไปถึงกระบวนการตอบรับที่ละเอียด
ลูกจ้างทุกคนต้องตระหนักถึงภัยอันตรายที่อาจก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ ต้องมั่นใจว่าลูกจ้างทุกคนตระหนักและเข้าใจวิธีปฏิบัติในการอพยพฉุกเฉิน
ต้องมั่นใจว่าลูกจ้างฝึกการอพยพฉุกเฉินออกจากสถานที่ทำงานเป็นประจำ มาตรฐานออสเตรเลียแนะนำให้ฝึกอพยพฉุกเฉินอย่างน้อยทุก ๆ 12 เดือน ดู AS 3745-2010 แผนสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินในสถานที่อำนวยความสะดวก
ความปลอดภัยด้านก๊าชและไฟฟ้า
การติดตั้งก๊าซหรืองานด้านไฟฟ้าโดยบุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตและไม่มีคุณสมบัติเป็นเรื่องผิดกฎหมาย คุณต้องใช้ช่างไฟฟ้าและช่างติดตั้งก๊าซที่มีคุณสมบัติและมีใบอนุญาตทำงานในสถานที่ของคุณ ดูเว็บไซต์ Energy Safe Victoria สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านไฟฟ้าและก๊าซ
บริการให้คำปรึกษาของ WorkSafe (WorkSafe Advisory Service)
บริการให้คำปรึกษาของ WorkSafe (WorkSafe Advisory Service) เปิดระหว่าง 7:30 น. ถึง 18:30 น. ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ หากคุณต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติม คุณสามารถติดต่อ WorkSafe โดยการใช้บริการล่ามและแปล (TIS National) หรือบริการต่อสายแห่งชาติ (National Relay Service) ได้